คีย์เวิร์ดหลัก คีย์เวิร์ดรอง ควรทำอะไรก่อนหลัง ?


07/2016

จากที่ได้ศึกษาวิธีการทำ SEO จากหนังสือสอน SEO มาหลายเล่ม เข้าคอร์สเรียนมาก็เยอะ ส่วนใหญ่ผู้สอนจะเน้นพูดถึงเรื่องของคีย์เวิร์ดมากที่สุด เพราะมันเป็นกุญแจดอกแรกที่จะทำให้เรารู้ทิศทางการทำขั้นตอนต่อไปได้ว่าจะไปในทิศทางไหน หากยังไม่รู้ว่าคีย์เวิร์ดที่จะทำคือคำว่าอะไร การทำ SEO คงไม่ต่างจากเดินป่าแบบไร้เข็มทิศแน่นอน จะออกแบบ On Page ก็ไม่ค่อยถูก จะทำ Backlinks ก็ไม่รู้จะหาเว็บแนวไหนดีจึงจะเหมาะสม ดังนั้น คีย์เวิร์ดถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการทำ SEO เลยก็ว่าได้ แต่เมื่อเราศึกษาดูแล้วจะพบว่า ในการทำ SEO แต่ละเว็บ เราไม่ควรทำเพียงคีย์เวิร์ดใดคีย์เวิร์ดหนึ่ง อย่างน้อยๆก็ควรจะมีสัก 2-3 คีย์เวิร์ดในการทำอันดับ เพื่อให้โดยรวมเว็บมันดูไม่ผิดธรรมชาติจนเกินไป อย่างเช่น ถ้าเราทำเว็บขายโลชั่นผิวขาว แล้วเนื้อหาในเว็บก็มีการเน้นแต่คำว่าโลชั่นผิวขาวจนเละเทะไปหมด มันคงดูไม่สวยงามนัก แถมการเรียบเรียงเนื้อหาให้ดูน่าอ่านต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ก็จะเป็นเรื่องทำได้ยากถ้าเน้นแค่คำใดคำหนึ่ง ดังนั้น ในแต่ละหน้าเว็บเพจ เราจึงควรมีคีย์เวิร์ดเป้าหมายหลักไว้สัก 1 คำ และมีคีย์เวิร์ดสำรองอีกสัก 2-3 คีย์เวิร์ด

ความสัมพันธ์ระหว่างคีย์เวิร์ดหลักกับคีย์เวิร์ดรอง

แน่นอนว่าหากเราเลือกจะทำอันดับในคำค้นหาหลักเป็นคำว่า “สบู่ผิวขาว” คีย์เวิร์ดรองก็ควรใช้คำค้นหาที่อยู่ในหมวดเดียวกันและมีความสัมพันธ์กันมากที่สุดด้วย เช่น สบู่ทาตัวขาว สบู่ทาผิวขาว แบบนี้เป็นต้น ยิ่งมีความสัมพันธ์กันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้การทำอันดับคีย์เวิร์ดหลักง่ายขึ้นมากเท่านั้น จริงๆแล้วก็ไม่ได้ง่ายขึ้นเฉพาะคีย์เวิร์ดหลักเท่านั้น ในการทำ SEO เวลาเราเริ่มต้นทำคีย์เวิร์ดใดคีย์เวิร์ดหนึ่ง คำค้นหาใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดของเราก็มักจะติดอันดับขึ้นมาเองด้วย อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้เราไมได้คิดเรื่องคีย์เวิร์ดรองมาไว้ก่อน แต่เวลาทำจริงๆมันก็จะมีคำค้นหาอื่นที่ใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดหลังของเรา โผล่ขึ้นมาติดอันดับหน้าแรกของผลการค้นหาในคำๆนั้นด้วย

ไหนๆมันก็ส่งผลแบบนี้แล้ว ทำไมเราไม่กรองคำเหล่านั้นมาตั้งแต่แรกซะเลยล่ะ คัดมาเฉพาะคำที่มีคนค้นหา ถึงจะค้นหาน้อยกว่าคีย์เวิร์ดหลักของเราแต่ก็ยังดีกว่าไปติดอันดับในคำที่ไม่มีคนค้นหา มันไม่มีประโยชน์ หากเรารู้จักกรองคีย์เวิร์ดรองมาด้วยตั้งแต่แรก เวลาออกแบบ On Page ก็ปรับแต่งให้มีทั้งคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรอง มันจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้คีย์เวิร์ดรองมันอันดับไปด้วยเวลาที่ทำ SEO ในคีย์เวิร์ดหลัก และในทางกลับกัน เวลาทำ SEO คีย์เวิร์ดรอง คีย์เวิร์ดหลักมันก็จะส่งผลดีตามไปด้วย เช่น คีย์หลักเป็น W88 คีย์รองอาจเป็น ทางเข้า W88 ประมาณนี้ อันนี้เป็นธรรมชาติในกระบวนการจัดอันดับเว็บไซต์สำหรับ Search Engine ของ Google การทำแบบนี้จะมีข้อดีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกก็ที่บอกไปข้างต้นแล้วว่า ดันคีย์ไหน คีย์ใกล้เคียงก็มักจะมีอันดับไปด้วย แต่ข้อดีอีกข้อก็คือ มันเป็นการทำ SEO แบบดูแล้วเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ในเว็บไซต์มีสแปมคีย์เวิร์ดเดียวเยอะๆ แบบนี้คงจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน

คีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรอง มันจะไปพร้อมกันตามธรรมชาติ

หากใครที่คาใจอยู่ในตอนแรกว่าจะทำคีย์เวิร์ดหลักหรือรองก่อนดี ตอนนี้คงเข้าใจกลไกการจัดอันดับของ Search Engine กันแล้ว ไม่ว่าจะทำคีย์เวิร์ดหลักที่มีคนค้นหามากกว่าก่อน หรือทำพวกคีย์เวิร์ดรองที่มีคนค้นหาน้อยก่อน อันดับทั้งคีย์หลักและรองมันก็จะไปพร้อมๆกัน ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นคีย์เวิร์ดรองอันดับมาไวกว่าเป็นประจำ เพราะปริมาณคู่แข่งจะน้อยกว่า มีไม่กี่คีย์เวิร์ดที่คำค้นหารองจะมีการแข่งขันสูงกว่าคำค้นหาหลัก ส่วนใหญ่ถ้าคีย์เวิร์ดรองคู่แข่งเยอะกว่า มักจะเป็นพวกคีย์เวิร์ดที่สามารถปิดการขายได้ดีกว่าถึงแม้จะมีปริมาณค้นหาน้อยกว่าคำอื่นในตลาดกลุ่มเดียวกัน แต่บางคนก็จะเรียกคำค้นหาที่ปิดการขายได้ดีกว่าว่าเป็นคีย์เวิร์ดหลัก ไม่ได้วัดจากปริมาณค้นหา อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของนักทำ SEO แต่ละคน

สิ่งที่เราควรทำอย่างสม่ำเสมอหลังจากคัดกรองคีย์เวิร์ดหลักและรองได้แล้ว คือการหมั่นอัพเดทเนื้อหาให้เว็บไซต์อยู่สม่ำเสมอ หากเป็นเว็บแบบปิดการขายในหน้าเดียว ก็สร้างลิงค์ไปยังคลังเก็บบทความเพื่อให้บอทของ Search Engine ไต่ไปเก็บข้อมูลและเห็นว่าเว็บเรามีการอัพเดทอยู่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ก็อย่าลืมการทำ Off Page ในเรื่องของ Backlinks เว็บไหนคุณภาพดีและมีเนื้อหาใกล้เคียงกับเว็บเรา จะไปแลกลิงค์กับเขาก็ไม่เสียหาย หรือถ้าเจอเว็บคุณภาพที่สามารถสร้างลิงค์ย้อนกลับได้ฟรีก็อย่าได้รอช้า ทยอยสร้างอย่างสม่ำเสมอในปริมาณที่เหมาะสม รับรองว่าอันดับจะค่อยๆขยับขึ้นและก้าวมาสู่หน้าแรกของผลการค้นหาได้อย่างแน่นอน จำไว้ว่าการทำ SEO ต้องรู้จักอดทน รอคอยได้ และทำสม่ำเสมออยู่ตลอดแม้ว่าวันนึงอันดับเว็บเราจะติด Top 1 แล้วก็ตาม อย่าได้ละเลยหยุดกระบวนการเหล่านี้ ไม่งั้นเว็บเราก็สามารถร่วงจาก Top 1 ไปอยู่ Top 100 ได้เหมือนกัน